วันพุธที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2553

สอบ

2.จงวิเคราะห์และเปรียบเทียบลักษณะและความแตกต่างข้อดีข้อเสียและก็จุดเด่นจุดด้อย รวมทั้งปัญหาของ animation แต่ละประเภทในประเทศไทย

Animation ในไทยสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ 2Dและ3D มีความแตกต่างกันดังต่อไปนี้
การสร้างตัวละคร 2มิติ จะสร้างตัวละครโดยวาดเป็นรูปๆแล้วต้องเอามาลงสีไล่ไปทีละภาพทั้งๆที่เป็นตัวเดียวกันก็ตาม แต่ใน 3มิติ นั้นเราสร้างตัวละครและพื้นผิวของตัวละครขึ้นมาเพียงครั้งเดียว แล้วก็สามารถใช้ได้ทั้งหนังทุกเฟรม. แต่ว่า 2มิติ นั้นการเปลียนแปรงตัวละครไม่ว่าหน้าตาหรือรูปร่างจะง่ายกว่า 3มิติในด้าน รูปร่างไม่คงที่ เพราะว่า แค่วาดเปลี่ยน แต่ 3มิติต้อง ปั้นตัวละครใหม่ หรืออีกวิธีที่ง่ายขึ้นคือปรับเปรี่ยนพื้นผิวของตัวละคร ในทางกลับกัน ถ้าตัวละครที่มีรายระเอียดเยอะ 3มิติจะได้เปรียบกว่ามากเพราะทำพื้นผิวเพียงครั้งเดียว.

การเคลื่อนใหว ในงาน 2 ดีนั้นเวลาจะทำก็ต้องวาดแล้วเอาภาพมาเรียงต่อกันเรื่อยๆ แต่ ในงาน 3ดี เราทำตัวละครแล้วเอามาเคลื่อนที่โดยแค่จัดเฟรมแรกแล้วเฟรมสุดท้ายที่เหลือ คอมจะจัดการสร้างเอง รวมไปถึงการเคลื่อนใหวของตัวละคร.

มุมมอง งาน 3ดี นั้น พอเราจัดท่าตัวละครแล้วเร้ต้องสร้างกล้องขึ้นมาเพื่อหามุมมองของภาพหรือหนัง(เหมือนถ่ายกล้องจริงๆ) แต่ใน 2ดี นั้นเอาสร้างมุมมองตอนวาดเลย (คือทำในขั้นตอนเดียวกับการวาดเคลื่อนใหวนั่นแหละ) แต่ตรงนี้ต้องใช้ประสบการ์ณในการวาดเยอะพอสมควร ไม่เช่นนั้นจะวาดเพี้ยนได้.

ความสมจริง อันนี้ 3มิติ กินขาด เพราะการจัดแสงมุมมอง ยังไงมือวาดก็ยังไม่เท่าเทียมได้ งาน 3มิติ ถึงนำไปใช้ในวงการภาพยนต์ค่อนข้างมากกว่างาน 2มิติ.

การประมวลผล 2มิติ นั้นจะทำการประมวลผลได้เร็วกว่ามากถึงจะมีการแต่งแสงเข้ามาร่วมด้วย(ทั้งนี้คือการแต่งสีฟิลม์นั่นเอง). แต่ 3มิติ จะประมวลผลออกมาเป็นภาพๆ ซึ่ง 1 ภาพจะต้องคำนวนเรื่องแสง มุมกล้องความลึกของวัตถุ ตรงนี้ทำให้งาน 3ดี จะช้ามาก ซึ่งบางทีแค่ 1 ภาพก็ใช่เวลาประมวลผลเกินกว่า 1 ชั่วโมงเลยทีเดียว(ใช้คอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง) แต่งานก็จะออกมาสวยเช่นกัน.

ปัญหา Animation ในประเทศไทย
หลังจากได้ชมภาพยนตร์แอนิเมชั่นและฝีมือการทำคอมพิวเตอร์กราฟิกหรือ CG ฝีมือคนไทยผ่านทางจอเงินและจอแก้วเรื่องแล้วเรื่องเล่าไม่ว่าจะเป็น ก้านกล้วย ปังปอนด์ สุดสาคร ฯลฯ รวมถึงเกมออนไลน์สัญชาติไทยหลายต่อหลายเกม ไม่นับงานเอาท์ซอร์สจากต่างประเทศอีกมากมาย ประกอบกับผลงานในเวทีประชันฝีมือต่างๆ ที่งัดเอาความสามารถของคลื่นลูกใหม่ทั้งในรั้วมหาวิทยาลัยและ
โรงเรียนมาแสดงให้เห็นแล้ว คงเป็นที่ยอมรับว่าแอนิเมชั่นไม่ใช่เรื่องไกลตัว และนับวันผลงานเหล่านี้จะยิ่งเปี่ยมด้วยคุณภาพมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นด้านเทคนิค
หรือความคิดสร้างสรรค์
หากหลายต่อหลายครั้งอีกเช่นกันที่คนในแวดวงแอนิเมชั่นรวมทั้ง
ผู้ติดตามสถานการณ์รอบนอกหาโอกาสมานั่งจับเข่าคุยกันว่า ทุกวันนี้สถานการณ์อุตสาหกรรมนี้ประสบปัญหาใด และอนาคตสดใสที่เคยวาดฝันกันว่าในอนาคตอันใกล้จะเป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่เติบโต ทำเงิน และสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาตินั้นใกล้เข้ามาหรือยัง
“คน” เป็นปัจจัยสำคัญประการแรกที่ทุกวงการให้ความสำคัญ ในส่วนนี้ อาจารย์ไมเคิล ปริพล ตั้งตรงจิต คณบดี คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ในฐานะเบ้าหลอมบุคลากรป้อนเข้าสู่อุตสาหกรรม ให้มุมมองในภาพรวมว่า ปัจจุบันพัฒนาการแอนิเมชั่นของไทยดีขึ้นมาก เห็นได้ว่าฝีมือของคนไทยก้าวหน้าขึ้น พร้อมกับที่หลายมหาวิทยาลัยก็เริ่มให้ความสำคัญกับแอนิเมชั่น โดยเปิดเป็นสาขาหรือวิชาเรียนเพิ่ม ตัวอาจารย์ผู้สอนก็มีความเชี่ยวชาญและมีการดึงบุคลากรจากต่างชาติเข้ามา ทำให้พัฒนาการในส่วนของบุคลากรเป็นไปอย่างรวดเร็ว

“สิ่งที่ลำบากก็คือ ในช่วงต้น ภาคส่วนต่างๆ รวมทั้งสื่อทั่วไปยังไม่คุ้นกับแอนิเมชั่น บุคลากรที่มีความสามารถจึงทำงานได้ยาก และไม่มีช่องทางในการนำเสนอ แต่ขณะนี้กลับตรงกันข้าม ทุกสื่อเปิดรับแอนิเมชั่นจึงกลายเป็นว่าสถานการณ์ตอนนี้คือขาดคน แต่ก็เชื่อว่าอีก 1-2 ปี จะมีทรัพยากรบุคคลเข้าไปในตลาดมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าแอนิเมชั่นไทยจะโกอินเตอร์ได้ในทันทีทันใด เพราะต้องอาศัยเวลาสักระยะหนึ่ง” คณบดี คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี กล่าวเสริม

จากความคิดเห็นของนักวิชาการประกอบกับ “ฝีมือ” ที่สัมผัสได้จากผลงานในปัจจุบันของแอนิเมเตอร์คนไทย คงพอจะสรุปได้ว่า น่าจะเบาใจในเรื่องของทรัพยากรบุคคลได้ในระดับหนึ่ง แต่ในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมทั้งระบบนั้นคงไม่ได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยใดปัจจัยหนึ่ง
เพียงประการเดียว
นายธนพงษ์ ณ ระนอง รองผู้อำนวยการส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ ซิป้า กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในฐานะองค์กรเจ้าภาพจากทางภาครัฐที่ทำหน้าที่สนับสนุน
อุตสาหกรรมแอนิเมชั่นไทยให้ข้อมูลว่า จุดอ่อนของแอนิเมชั่นไทยก็คือตลาดยังไม่ค่อยกว้าง รู้จักต่างประเทศน้อย ด้านบริษัทเล็กๆ ก็ขาดต้นทุนการผลิต
ดังนั้น ซิป้า จึงเข้ามาส่งเสริมด้านการตลาดและหาแหล่งงานป้อนเข้าอุตสาหกรรมแอนิเมชั่น เช่น การหาเวทีหรือช่องทางจับมือกับต่างชาติที่เป็นผู้ซื้อ หรือ เป็นแหล่งผลิตงานแอนิเมชั่นให้คนไทยได้มีโอกาสแสดงผลงาน อันจะนำไปสู่ความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างผู้ผลิตในไทยกับต่างประเทศ โดยขณะนี้ ซิป้ามีความร่วมมือในลักษณะดังกล่าวในหลายประเทศ อาทิ เกาหลี ญี่ปุ่น สิงคโปร์ มาเลเซีย นิวซีแลนด์ และล่าสุด คือ ประเทศฝรั่งเศส



3.จงยกตัวอย่างภาพยนต์ animation ของไทยมา 1 เรื่อง และอธิบายถึงแนวคิดภาพยนต์ รูปแบบ เทคนิคที่ใช้ รวมทั้งลักษณะการสร้างผลงานมาพอสังเขป

APAIMANEE SAGA ที่สุดของความภาคภูมิใจแห่งวงการการ์ตูนไทย




อภัยมณี ซาก้า เป็นการ์ตูนไทย แนวผจญภัยผสมแฟนตาซี โครงเรื่องหลักเอามาจากวรรณคดีไทยเรื่องพระอภัยมณีของสุนทรภู่ แต่ได้ถูกแต่งเพิ่มเติมตามจินตนาการของผู้วาดเข้าไป เช่น ตัวมอนสเตอร์,ปีศาจ ได้ตีพิมพ์เป็นตอนลงในนิตยสารบูม ภายใต้ลิขสิทธิ์ในประเทศไทยเป็นของสำนักพิมพ์เนชั่นเอ็ดดูเทนเมนท์ นอกจากนี้อภัยมณี ซาก้ายังเป็นการ์ตูนไทยเรื่องแรกที่ได้จำหน่ายยังต่างประเทศอีกด้วย

เรื่องย่อ




ณ นครรัตนา มีเจ้าชายรัชทายาทสององค์ คือ เจ้าชายอภัยมณี รัชทายาทอันดับหนึ่ง อายุ 17 ปี และเจ้าชายศรีสุวรรณ รัชทายาทอันดับสองผู้เป็นน้องชาย อายุ 16 ปี เจ้าชายอภัยมณีรักอิสระ มีความฝันอยากจะท่องเที่ยวไปในโลกกว้าง ส่วนเจ้าชายศรีสุวรรณ เป็นผู้คลั่งไคล้ในวิชากระบอง

วันหนึ่ง ขณะที่เจ้าชายทั้งสองเที่ยวเล่นอยู่นอกวัง ก็พบว่าในวังเกิดไฟไหม้ จึงรีบกลับมาดู ก็พบว่ามีผู้คิดลอบปลงพระชนม์พระบิดา และช่วยกันลงมือคลี่คลายสถานการณ์ลงไปได้ ผู้ลอบปลงพระชนม์นี้เป็น Gem sorcerer หรือ จอมเวทอัญมณี ซึ่งตามเนื้อเรื่องกล่าวว่า Gem sorcerer เป็นจอมเวทที่เน้นใช้พลังจากอัญมณี โดยจะฝังอัญมณีเอาไว้ในร่างตั้งแต่เด็ก และใช้อัญมณีนี้เป็นต้นกำเนิดพลังเวทมนตร์ทั้งหมดของตน พระราชาตระหนักดีว่าคนที่ลอบปลงพระชนม์นี้เป็นแค่ลูกกระจ๊อก ถูกเขาส่งมาหยั่งเชิง อัญมณีที่ใช้ก็เป็นแค่ระดับต่ำ และทราบว่านับแต่นี้หายนะกำลังเริ่มต้น จึงออกคำสั่งเป็นคำขาดให้โอรสทั้งสองออกจากนครไปศึกษาวิชาความรู้ยังตักกศิลาเป็นเวลา 2 ปี เพื่อไม่ให้เจ้าชายทั้งสองพลอยซวยไปด้วย

เจ้าชายทั้งสองก็ออกเดินทางไปศึกษาตามคำสั่งโดยไม่เอะใจ เมื่อครบกำหนดสองปี ก็เดินทางกลับมายังนครรัตนาอีกครั้ง เพื่อจะพบว่านครรัตนาใกล้พินาศแล้ว เพราะโดนทหารต่างชาติกองทัพของ Gem sorcerer โจมตี เจ้าชายทั้งสองได้พบกับทหารรับจ้างที่พระราชาบิดาของพวกตนจ้างวานมา (พระราชาสวรรคตไปแล้ว) เจ้าชายศรีสุวรรณผู้มีวิชาต่อสู้ได้ร่วมมือกันต่อสู้ขับไล่พวกทหารต่างชาติออกจากนครไป พระอภัยมณีที่สู้ไม่เป็นเลยอยู่ให้กำลังใจอยู่กลางวง

ฝ่ายศัตรูมีกำลังคนมากเกินไป จนทั้งสี่เริ่มรับมือไม่ไหว ทำให้พระอภัยมณีตัดสินใจใช้วิชาปี่ที่เรียนมา โดยเตือนให้พรรคพวกทั้งสี่ละวางจิตสังหารเสีย แล้วเริ่มเป่าปี่ชักนำทหารศัตรูที่มีจิตสังหารทุกคนให้ฆ่าฟันกันเองจนล้มตาย หลังศัตรูตายหมดแล้ว ก่อนที่สามทหารรับจ้างและศรีสุวรรณจะฟื้นจากภวังค์เพลงปี่ นางผีเสื้อสมุทรก็ปรากฏกายขึ้นพาพระอภัยจากไป

ตัวละคร




อภัยมณี
รัชทายาทอันดับหนึ่งแห่งนครรัตนา พระโอรสในท้าวสุทัศน์กับพระนางประทุมเกสร มีวิชาติดตัวคือเพลงปี่ เคยถูกคุมขังอยู่ในคุกสมุทร และได้รับการช่วยเหลือจากเผ่าเงือก



ศรีสุวรรณ
รัชทายาทรองแห่งนครรัตนา พระอนุชาแท้ๆ ของอภัยมณี มีวิชาต่อสู้คือพลอง เคยร่วมมือต่อต้านกองทัพของท้าวอุเทน และกำจัดท้าวอุเทน

ท้าวสุทัศน์
กษัตริย์แห่งนครรัตนา พระบิดาของอภัยมณีกับศรีสุวรรณ เป็นอดีตนักดาบ

พระนางประทุมเกสร
พระมเหสีในท้าวสุทัศน์ สิ้นพระชนม์ตั้งแต่อภัยมณีกับศรีสุวรณยังเล็ก ปรากฏในเล่มที่ 12 ตอนในอ้อมอกแม่ และเล่มที่ 15

วิเชียร
น้องชายเล็กในกลุ่มสามพราหมณ์ เป็นนักรบที่ใช้อาวุธ "ระเบิด" ที่สร้างขึ้นเอง ไม่ถูกกับศรีสุวรรณ เป็นมือสังหาร สามารถยิงธนูได้ทีละ 7 ดอก

โมรา
พี่ชายคนรองในกลุมสามพราหมณ์ มีความเฉลียวฉลาด และสุขุมเยือกเย็นที่สุด ใช้เวทมนตร์สายไม้ และเสกเรือได้ เป็นศิษย์เก่าของมาสเตอร์หยาง

สานน
พี่ชายคนโตในกลุ่มสามพราหมณ์ ใช้เวทมนตร์สายน้ำ เป็นอดีตนักเรียนสำนัก Dark Moon

ท้าวทศวงศ์
พระบิดาของแก้วเกษรา กษัตริย์แห่งนครโรมจักร

ท้าวอุเทน
ผู้หมายปองแก้วเกษรา เพราะรูปร่างหน้าตาเหมือนกับ "จิตรา" หญิงคนรักในอดีตถูกสังหารด้วยน้ำมือของตนเองในขณะใช้เวทย์อัญมณี เป็นคนใจร้อน และยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ


แก้วเกษรา
องค์หญิงแห่งนครโรมจักร เป็นคนรักของศรีสุวรรณ และเป็นที่หมายปองของท้าวอุเทน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น